ปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้า
ปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้าด้วย ลูทีน และ ซีแซนทีน
ปัจจุบันนี้ไลฟ์สไตล์ของคนเราเปลี่ยนไป หันไปใช้เวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือมากขึ้น หลายคนจึงกังวลว่าดวงตาของเราจะเป็นอันตรายจากการได้รับรังสีจากอุปกรณ์เหล่านี้มากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแสงสีฟ้า วันนี้เราเลยเอาสาระดีๆ เกี่ยวกับแสงสีฟ้า และวิธีปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้ามาฝากกันค่ะ
แสงสีฟ้าหรือ Blue Light เป็นส่วนหนึ่งของแสงที่มีอยู่ตามธรรมชาติ และเกิดจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น เช่น หลอดไฟ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ จัดเป็นแสงที่มีพลังงานสูง (High Energy Visible) ใกล้เคียงกับรังสียูวี มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 380-500 นาโนเมตร
แสงสีฟ้าแบ่งออกได้เป็นสองช่วง ได้แก่ แสงสีม่วงซึ่งมีความยาวคลื่น 380-450 นาโนเมตร และแสงสีน้ำเงินซึ่งมีความยาวคลื่น 450-500 นาโนเมตร แต่ช่วงแสงที่เป็นอันตรายต่อดวงตามากที่สุดคือแสงสีฟ้าม่วงซึ่งมีความความยาวคลื่น 380-450 นาโนเมตร หรือเป็นแสงที่เราเพ่งมองบ่อยๆ จากหน้าจอคอมพิวเตอร์นั่นเอง โดยแสงชนิดนี้เป็นอันตรายต่อดวงตาของเด็กและวัยรุ่นมากกว่าผู้ใหญ่
แสงสีฟ้าเป็นแสงที่มีพลังงานสูงซึ่งไม่อาจบดบังได้ด้วยตัวกรองทางสรีรวิทยา เช่น น้ำตา กระจกตา แก้วตา หรือน้ำหล่อเลี้ยงตา จึงสามารถเดินทางเข้าสู่จอประสาทตา (Retina) และเหนี่ยวนำให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระขึ้นที่เซลล์ของจอประสาทตา เซลล์จึงค่อยๆ เสื่อมสภาพและตายลง จนนำไปสู่โรคจอประสาทตาเสื่อม หรือ AMD (Age-Related Macular Degeneration) ในที่สุด
สาเหตุที่หลายคนกลัวโรคนี้กันมาก เพราะเมื่อเป็นแล้วไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และอาจทำให้ตาบอดถาวร โดยเพศหญิงมีความเสี่ยงต่อโรคนี้มากกว่าเพศชาย
แสงสีฟ้ายังส่งผลต่อสุขภาวะของดวงตาโดยตรง เช่น ทำให้ปวดตา ตาแห้ง ตาพร่า น้ำตาไหล และทำให้เกิดอาการผิดปกติทางสายตาอย่าง สายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง จากการที่เซลล์ดวงตาเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น นอกจากนั้นยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพอื่นๆ เช่น ทำให้นอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท เนื่องจากแสงสีฟ้าไปรบกวนการหลั่งเมลาโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้นอนหลับ และเมื่อวัฏจักรการนอนสูญเสียไปก็อาจนำไปสู่การเกิดภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ แพทย์จึงแนะนำให้ปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้าด้วยการลดการใช้เวลาหน้าจอคอมพิวเตอร์ปรับความสว่างหน้าจอให้น้อยลง ติดฟิล์มกรองแสง และพักสายตาจากหน้าจอเป็นระยะๆ นอกจากนี้ยังควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา และเสริมเกราะป้องกันให้ดวงตาด้วยการทานอาหารที่มีลูทีนและซีแซนทีนสูง
ลูทีน และซีแซนทีน เป็นสารพฤกษเคมี (Phytchemicals) ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร ในธรรมชาติมีแคโรทีนอยด์อยู่ราว 600 ชนิด แต่มีเพียงสองชนิด คือ ลูทีน และซีแซนทีน เท่านั้นที่พบได้ที่จอประสาทตา
ลูทีน และซีแซนทีน ทำหน้าที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนด์ที่ช่วยบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต้อกระจก และโรคจอประสาทตาเสื่อม และช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลายโดยการลดอนุมูลอิสระ และสามารถกรองแสงสีฟ้าที่จะทำลายดวงตาออกไปได้ถึง 40% ก่อนที่แสงจะตกถึงแมคูลา (Macula) ดังนั้น จึงสามารถลดสภาวะความเครียดที่เกิดจากการออกซิเดชั่นต่อจอประสาทตาได้อย่างมีนัยสำคัญ
ลูทีน และซีแซนทีน มีอยู่ในผักผลไม้ต่างๆ โดยเฉพาะผักใบเขียว เช่น ผักคะน้า ผักปวยเล้ง ผักกาดแก้ว บร็อคโคลี ข้าวโพด ถั่วลันเตา กระหล่ำปลี ไข่แดง และที่หลายคนคิดไม่ถึงก็คือผลไม้อย่างอะโวคาโด โดยในอะโวคาโดเศษ 1 ส่วน 3 ผล จะมีลูทีนและซีแซนทีนอยู่ถึง 136 ไมโครกรัม
รู้แล้วก็อย่ารอช้า รีบหาผักผลไม้ทรงคุณประโยชน์เหล่านี้มารับประทานด่วน โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นฤดูกาลของอะโวคาโด ผลไม้ที่ไม่ได้มีรับประทานกันตลอดปี สามารถสั่งซื้ออะโวคาโดและผักผลไม้ออร์แกนิคอื่นๆ ได้ที่
Line ID : @kingorganic
FB : m.me/kingorganicth
รายการสินค้าของคิงออร์แกนิค https://sites.google.com/kingfreshfarm.com/kingorganic/home