บทความ

ประเทศที่ประกาศแบนหรือจำกัดการใช้สาร ไกลโฟเสต

ข่าวบริษัทมอนซานโต้แพ้คดี จากที่มีผู้ฟ้องร้องว่ายาฆ่าหญ้า RoundUp เป็นตัวการทำให้เกิดโรคมะเร็ง ทำให้คนไทยรู้จักสาร “ไกลโฟเสต” (Glyphosate) ที่ใช้ในยาฆ่าหญ้ากันมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องดีเพราะทำให้คนไทยเริ่มตื่นตัว และหันมาใส่ใจกับอาหารการกินที่บริโภคมากขึ้น วันนี้ King Organic เลยจะขอนำข้อมูลเกี่ยวกับ “ไกลโฟเสต” มาฝาก เพื่อให้คุณๆ ได้รู้จักสารตัวนี้กันมากขึ้น จะได้เห็นกันชัดๆ ไปเลย ว่าเจ้าตัวนี้มันร้ายกาจยังไงบ้าง

ความเป็นมาของไกลโฟเสต

ไกลโฟเสต เป็นยากำจัดวัชพืชโดยวิธีฉีดพ่นและดูดซึมทางใบ ด้วยวิธีฉีดเข้าลำต้น หรือหยอดที่ยอด เป็นยากำจัดวัชพืชที่มีปริมาณการใช้งานมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ทั้งในการจัดการเกษตร และการตกแต่งสวนหย่อม

ไกลโฟเสตถือสิทธิบัตรและผลิตจำหน่ายในอเมริกามาตั้งแต่ทศวรรษที่ 70 โดยบริษัทมอนซานโต้ ในชื่อการค้า ราวด์อั้พ (Roundup) แต่สิทธิบัตรที่บริษัทมอนซานโตได้รับนั้น มีผลคุ้มครองถึงแค่ปี ค.ศ. 2543 เท่านั้น ปัจจุบันผู้ผลิตรายอื่นจึงสามารถผลิตและจำหน่ายไกลโฟเสตในท้องตลาดได้ในชื่อทางการค้าต่าง ๆ กัน

ไกลโฟเสตเป็นสารกำจัดวัชพืชที่ใช้ในวงกว้าง (Broad-spectrum herbicide) สามารถฆ่าวัชพืชได้ทุกชนิด โดยเกษตรกรมักจะฉีดพ่นใส่พืชโดยตรง พืชที่นิยมใช้สารไกลโฟเสต ได้แก่ ข้าวโพด ถั่วเหลือง ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ถั่วอัลฟัลฟ่า ข้าวฟ่าง และคาโนลา เป็นต้น

สถานการณ์ไกลโฟเสตทั่วโลก

ศรีลังกา เป็นประเทศแรกที่ยกเลิกการใช้สารไกลโฟเสต นอกจากนั้นยังมีประเทศอื่นๆ ที่ประกาศแบนไกลโฟเสตโดยใช้มาตรการต่างๆ รวมถึง เบอร์มิวดา, โคลอมเบีย, เอล ซัลวาดอร์, เบลเยียม, เนเธอร์แลนด์, ฝรั่งเศส, ซาอุดิอาระเบีย, คูเวต, กาตาร์, บาห์เรน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และโอมาน บางประเทศอนุญาตให้ใช้งานได้โดยต้องจำกัดการใช้โดยปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่วางไว้ เช่น โปรตุเกส อิตาลี และเมืองแวนคูเวอร์ของแคนาดา ห้ามใช้ไกลโฟเสตในพื้นที่สวนสาธารณะ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากมูลนิธิกรีนพีซระบุว่า “ไกลโฟเสต” เป็นสารกำจัดศัตรูพืชที่ประเทศไทยนำเข้ามาใช้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในปี 2557

ไกลโฟเสตก่อโรคร้าย 22 โรค!

ในปี 2558 องค์การอนามัยโลกจัดให้ไกลโฟเสตเป็น “สารที่น่าจะก่อมะเร็ง” (probably carcinogenic to humans) นักวิจัยไทยระบุว่าไกลโฟเสตเป็นตัวการทำให้เกิดความผิดปกติต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ เช่น กระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเต้านมเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น 5-13 เท่า ก่อให้เกิดความผิดปกติของสารพันธุกรรม (ทำลายยีน-โครโมโซม) ทำลายระบบประสาทส่วนกลางในระยะยาว และทำให้เซลล์รกได้รับความเสียหาย จึงส่งผลกระทบต่อแม่และเด็กด้วย

และเมื่อเร็วๆ นี้ ทีงานวิจัยของมหาวิทยาโอคลาโฮมา (University of Oklahoma) ยังค้นพบความจริงที่น่าตกใจว่าสารไกลโฟเสตที่ตกค้างใน “ถั่วเหลืองจีเอ็มโอ” มีส่วนสัมพันธ์กับการก่อให้เกิดโรคสมัยใหม่ถึง 22 โรค รวมทั้ง โรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, อัมพาต, โรคอ้วน, ไขมันในเลือดสูง, อัลไซเมอร์, สมองเสื่อม, พาร์กินสัน, หลอดเลือดในสมอง, กล้ามเนื้ออ่อนแรง, ออทิสซึ่ม, ลำไส้แปรปรวน, การติดเชื้อในลำไส้, อุจจาระร่วง และไตวาย เป็นต้น

ทราบอย่างนี้แล้วพวกเราก็อย่าลืมดูแลตัวเองกันนะคะ เดี๋ยวนี้ทางเลือกในการรับประทานมีมากมาย ถ้าเป็นไปได้ก็เลือกทานอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบออร์แกนิกปลอดสารพิษ จะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลกันว่าวันนี้ร่างกายเรารับสารพิษเกินโควต้าแล้วหรือยัง